Monday, February 7, 2011

สรุปมาตรการด้านวิทยาศาสตร์ที่สาคัญหลังการเลือกตั้งกลางวาระ


ถึงแม้ว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโอบามาจะอยู่ในช่วงวาระที่เรียกว่า “วาระการประชุมเป็ดง่อย” (Lame-duck Session) หลังจากพ่ายแพ้การเลือกตั้งกลางปีและเสียที่นั่งส่วนใหญ่ให้กับพรรครีพับลีกัน แต่วุฒิสภาและสภาผู้แทนได้ผ่านกฏหมายที่มีความสาคัญต่อวิสาหกิจด้านเคมี เช่นมาตรการ การลดภาษี การให้อานาจตาม the America Competes Act การยกเครื่องกฏหมายอาหารปลอดภัย และการผลักดันให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดาเนินงานต่อไปได้คล่องตัวขึ้น ถึงแม้ว่าจะได้รับการคัดค้านจากฝ่ายค้านก็ตาม ซึ่งเป็นไปตามที่ประธานาธิดีโอบามาได้เคยกล่าวไว้เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2010 ว่า กฏหมายจะเป็นสิ่งดีสาหรับคนอเมริกัน เป็นความก้าวหน้าและจะช่วยปกป้องคนชั้นกลาง สร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างงาน

ชิ้นแรกคือกฏหมายที่มีผลกระทบต่อวิสาหกิจที่ใช้วิทยา-ศาสตร์คือ การขยายระยะเวลาการลดภาษี (ซึ่งให้สิทธิมาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีบุช) ไปจนถึงปี 2010 และขยายไปเป็นการลดภาษีธุรกิจ รวมถึงมีการออกแบบ tax credit เพื่อสนับสนุนการลงทุนในด้าน R&D ให้มากยิ่งขึ้น มาตราการ ภาษีดังกล่าวมีมูลค่างบประมาณ 858 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งรวบรวมความต้องการจากกลุ่มธุรกิจต่างๆ (ที่ล้อบบี้) เช่น การทบทวนให้มีการขยาย tax credit (ซึ่งสิ้นสุดลงในปี 2009) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการทา R&D จานวนร้อยละ 20 ขยายแผนงานสนับสนุนเงินด้านพลังงานทดแทนไปอีกหนึ่งปี และให้มี tax credit สาหรับการผลิตเอทานอลในแต่ละท้องถิ่นรวมถึงโครงการด้านพลังงานที่มีประ-สิทธิภาพต่างๆ

ที่น่าประหลาดใจ วุฒิสภาได้ผ่านกฏหมายยกเครื่องอาหารปลอดภัยในประเทศสหรัฐฯ ถึงแม้จะถูก ให้นากลับไปแก้ไขจากสภาผู้แทนเนื่องจากข้อผิดพลาดทางเทคนิคด้านภาษากฏหมาย ซึ่งกฏหมายฉบับนี้ช่วยชุบชีวิตใหม่ให้กับกฏหมาย FDA Food Safety Modernization Act ขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA ซึ่งไม่มีการปรับปรุงมานาน และจะทาให้ FDA มีอานาจใหม่ในการคุ้มครองป้องกันการเจ็บป่วยที่เกิดจากอาหารรวมถึงมีอานาจถอดถอนอาหารที่ไม่ปลอดภัยออกจากชั้นวาง และมีบทบังคับให้ผู้ผลิตต้องพัฒนาแผนการในการป้องกันการปนเปื้อนอาหาร รวมถึงเพิ่มจานวนผู้ตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องมือการประกอบการด้านอาหารด้วย

มาตรการต่อมา วุฒิสภาได้ผ่านมาตรการการให้อานาจ (อีกครั้ง) แก่ the America Competes Act ซึ่งเป็นกฏหมายที่บัญญัติไว้ในตั้งแต่ปี 2007 และมุ่งเน้นการเพิ่มงบประมาณให้ National Science Foundation-NSF, the National Institute of Standards & Technology-NIST, Office of Scienceของ De-partment of Energy-DoE โดยมาตราการดังกล่าวได้เสนอให้เพิ่มงบประมาณแก่ NSF ร้อยละ 20 NIST ร้อยละ 21 DoE ร้อยละ 22 และเป็นเพียงมาตรการที่เสนอแนวทางการสนับสนุนด้านการเงิน (Funding) สาหรับอนาคต และให้ยืดช่วงเวลาการสนับสนุนงบประมาณแก่หน่วยงานทั้งสามไปอีก 10 ปีมาตรการดังกล่าวยังเสนอให้หน่วยงานสร้างแผนงานวิจัยใหม่ เช่น ด้าน GreenChemistry ใน NSF หรือ แผนงานการสนับสนุนเงินให้เปล่าในการวิจัยพื้นฐานที่สามารถสร้างทางเลือกในทางเศรษฐกิจ สะอาด และปลอดภัย รวมถึงแนวทางการปฏิบัติที่ดีแก่ผลิตภัณฑ์เคมี รวมถึงเน้นให้ NSF กาหนดนโยบายในการใช้งบประมาณวิจัยอย่างน้อยร้อยละ 5 เพื่อสนับสนุนข้อเสนองานวิจัยที่มีความเสี่ยงสูงด้วย

รัฐบาลที่อยู่ในช่วงวาระ Lame Duck Session ยังผ่านข้อตกลงในเรื่องการจัดสรรงบประมาณอย่างต่อเนื่องเพื่อทาให้รัฐบาลสามารถดาเนินงานได้อย่างราบรื่นมาตรการ ดังกล่าวทาให้หน่วยงานภาครัฐด้านต่างๆ ยังคงได้รับงบประมาณสนับสนุนในปี 2010 รวมถึงการสนับสนุนให้ Homeland Security Department มีอานาจในการ ควบคุมการจัดหาสิ่งอานวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับเคมีและมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยสูง

ที่มา: C & EN, Government & Policy, January 2, 2011

No comments:

Post a Comment