Monday, February 7, 2011

สื่อมวลชนยังรายงานข่าวด้านโลกร้อนน้อยมาก


มีการสารวจพบว่า ปีที่ผ่านมา บทความและข่าว ที่รายงานจากประชุมสุดยอดผู้นาด้านภูมิอากาศ ได้เสนอ ประเด็นด้านวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศน้อยมาก

Oxford University’s Reuters Institute for the Study of Journalism ได้มีการวิเคราะห์จากบทความ

จานวน 400 ชิ้น ช่วงเดือนธันวาคม ปี 2009 ซึ่งมีการประชุมสุดยอดผู้นาด้านภูมิอากาศ 120 ประเทศ ณ กรุงโคเปนเฮเกน และเรียกร้องให้มีการทบทวนการรายงานข่าวจากการประชุมในครั้งต่อไปเสียใหม่ เนื่องจากข่าวด้านวิทยาศาสตร์จากที่ประชุมดังกล่าวได้มีการรายงานน้อยมาก (น้อยกว่าร้อยละ 10) แต่กลับไปเน้นประเด็นอื่น เช่น การแฮคอีเมล์จาก British University ซึ่งสร้างข้อสงสัยว่าเป็นความพยายามของนักวิทยาศาสตร์ที่จะค้านในสิ่งที่ไม่เห็นด้วย แต่ได้มีการออกมาชี้แจงว่าเป็นการทาผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ ได้มีผู้เสนอว่า ควรมีการประชุมหารือระหว่างนักวิทยาศาสตร์ สื่อมวลชน และผู้กาหนดนโยบาย ในการช่วยกันสร้างความสาคัญของประเด็นที่กาลังปะทุ เช่นการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เพื่อการมีส่วนร่วมของคนทั่วโลก

รายงานข่าวนี่กล่าวว่า มีเพียง 12 ประเทศ เช่น บราซิล อินเดีย ออสเตรเลีย อังกฤษ ไนจีเรีย และรัสเซีย ให้เนื้อที่ของสื่อสิ่งพิมพ์ในเรื่องนี้ และมีผู้เสนอว่า วิธีเดียวที่จะปรับปรุงการรายงานข่าวเรื่องการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศก็คือการเพิ่มจานวนของเจ้าหน้าที่ด้านสื่อเพื่อช่วยนักวิทยาศาสตร์ ในการเผยแพร่ข่าวสาร ดังตัวอย่างในกลุ่มสิ่งแวดล้อม เช่น กลุ่มกรีนพีซพบว่า มีเจ้าหน้าที่จัดทาสื่อถึง 20 คน ในการประชุมที่โคเปนเฮเกน เมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าหน้าที่ที่ทางานด้านสื่อ ในมหาวิทยาลัย 250 แห่ง ที่มีเพียง 12 คน และคณะกรรรมการของ UN เองก็มีเจ้าหน้าที่ด้านสื่อเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ ได้มีข้อแนะนาให้มีการเสนอรายงานข่าวในแง่มุมที่ไม่เคยทามาก่อนเกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก และนาเสนอด้วยสื่อใหม่ๆ ด้วย

คณะด้านวิทยาศาสตร์ UN ได้พบว่า ในปี 2007 ภาวะโลกร้อนอาจเกิดจากฝีมือมนุษย์และเป็นแรงผลักดันสาคัญให้มีการดาเนินการด้านการปลดปล่อยก๊าซ ซึ่งได้รับการติเตียนว่าทาให้อุณหภูมิสูงขึ้น น้าท่วม แห้งแล้ง คลื่นความร้อนและระดับน้าทะเลสูงขึ้น และปีนี้ UN แจ้งว่า จะให้มีการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมในประเทศเมกซิโก ประมาณวันที่ 29 พฤสจิกายน-10 ธันวาคม 2010


ที่มา : the Washington Post, November 15, 2010
http://www.ostc.thaiembdc.org/stnews_feb11_9.html

No comments:

Post a Comment